Live Like a Winner

บล็อกการตลาดและรีวิวธุรกิจทั่วโลก

ทำความรู้จักเลเซอร์ที่ใช้ในการรักษาหลุมสิวและการเตรียมตัวก่อนและหลังทำ

หลุมสิวเกิดจากกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อหลังเกิดสิวที่ไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อได้เพียงพอกับส่วนที่ทำลาย โดยเฉพาะสิวที่มีการอักเสบรุนแรง รวมถึงการรักษาสิวที่มีการกดสิวหรือบีบสิวที่ผิดวิธีก็ทำให้เกิดการอักเสบเพิ่มขึ้น เนื้อเยื่อบริเวณนั้นถูกทำลายมากขึ้น ยิ่งหากผิวหนังถูกทำลายเป็นวงกว้างและลึก ร่างกายก็จะไม่สามารถสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนขึ้นมาทดแทนได้ทั้งหมด รวมไปถึงการสมานแผลที่ไม่สมบูรณ์จนเกิดผังผืดระหว่างชั้นผิว ทำให้ผิวถูกดึงจนเกิดเป็นหลุมสิวได้เช่นกัน 

ซึ่งปัจจุบันการรักษาหลุมสิวที่นิยมและเห็นผลมากที่สุดคือการทำเลเซอร์ (Laser Therapy) เนื่องจากสามารถช่วยลดรอยหลุมสิวและทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนขึ้น โดยเลเซอร์จะทำงานโดยการส่งพลังงานลงไปยังผิวหนังชั้นลึกเพื่อกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูผิว ช่วยให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่และเติมเต็มรอยหลุมสิว

ประเภทของเลเซอร์ที่ใช้ในการรักษาหลุมสิว

มีเลเซอร์หลายประเภทที่ถูกนำมาใช้ในการรักษาหลุมสิว แต่ละประเภทมีความเหมาะสมกับลักษณะของหลุมสิวและสภาพผิวที่แตกต่างกันไป ดังนี้

1. เลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 Laser)

  • การทำงาน ใช้แสงเลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์เพื่อทำลายชั้นผิวหนังที่มีปัญหาและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
  • เหมาะสำหรับ หลุมสิวที่ลึกและชัดเจน เช่น Ice Pick Scars และ Boxcar Scars
  • ผลลัพธ์ ให้ผลลัพธ์ที่ดีในการลดความลึกของหลุมสิว แต่มีระยะเวลาพักฟื้นนานกว่าประเภทอื่น

2. เลเซอร์เฟร็กเซล (Fraxel Laser)

  • การทำงาน เลเซอร์เฟร็กเซลเป็นเลเซอร์ที่ปล่อยพลังงานแสงออกมาในรูปแบบของจุดเล็ก ๆ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและการผลัดเซลล์ผิวใหม่
  • เหมาะสำหรับ หลุมสิวขนาดเล็กถึงปานกลาง เช่น Rolling Scars
  • ผลลัพธ์ ฟื้นฟูผิวได้ดีและมีระยะเวลาพักฟื้นที่สั้นกว่า CO2 Laser

3. เลเซอร์เออร์เบียม (Erbium Laser)

  • การทำงาน เลเซอร์เออร์เบียมทำงานโดยการใช้แสงเลเซอร์เพื่อทำลายชั้นผิวที่ต้องการรักษาอย่างแม่นยำ
  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการลดหลุมสิวเล็กน้อยและมีผิวบอบบาง
  • ผลลัพธ์ ฟื้นฟูผิวได้ดีสำหรับหลุมสิวขนาดเล็ก มีระยะเวลาพักฟื้นที่สั้นและความเสี่ยงของการเกิดแผลเป็นน้อยกว่า

ขั้นตอนการรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์

การรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์มีหลายขั้นตอนที่ควรทราบเพื่อเตรียมตัวและดูแลผิวอย่างถูกต้อง

1. เตรียมตัวก่อนการรักษา

  • ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง ก่อนการรักษา ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและประเภทของหลุมสิว แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับประเภทของเลเซอร์ที่เหมาะสมและคาดหวังผลลัพธ์
  • หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจระคายเคือง งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ทำให้ผิวระคายเคือง เช่น สครับและสารเคมีแรง ๆ อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนการรักษา

2. การทำเลเซอร์หลุมสิว

  • ทำความสะอาดผิว ผิวหน้าจะถูกทำความสะอาดเพื่อขจัดคราบสกปรกและน้ำมันที่อาจขัดขวางการรักษา
  • การใช้ยาชา ก่อนการทำเลเซอร์ มักจะมีการทายาชาหรือใช้ยาชาเฉพาะที่เพื่อลดความเจ็บปวดระหว่างการรักษา
  • การยิงเลเซอร์ แพทย์จะใช้เครื่องเลเซอร์หลุมสิวในการรักษาตามที่วางแผนไว้ โดยระยะเวลาในการทำเลเซอร์จะขึ้นอยู่กับขนาดและความลึกของหลุมสิว

3. การดูแลหลังการรักษา

  • การดูแลผิวหลังการเลเซอร์ หลังการเลเซอร์ ผิวอาจมีความแดงและบวมเล็กน้อย ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรงและใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูง
  • การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยนและไม่ระคายเคือง เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและป้องกันการเกิดแผลเป็น

4. ผลข้างเคียงและข้อควรระวัง

การรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์อาจมีผลข้างเคียงที่ต้องระวัง

  • ผิวแดงและบวม หลังการรักษา ผิวอาจมีความแดงและบวม ซึ่งจะหายไปภายในไม่กี่วันถึงหนึ่งสัปดาห์
  • การติดเชื้อ หากไม่ดูแลผิวอย่างถูกต้องหลังการเลเซอร์ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้
  • การเกิดแผลเป็น ในบางกรณี หากผิวมีการฟื้นตัวไม่ดี อาจเกิดแผลเป็นหรือรอยด่างบนผิว

5. ค่าใช้จ่ายในการรักษา

ค่าใช้จ่ายในการรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์ขึ้นอยู่กับประเภทของเลเซอร์ที่ใช้ จำนวนครั้งที่ต้องรักษา และสถานที่ที่รับบริการ การรักษาด้วยเลเซอร์มักมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าวิธีการรักษาอื่น ๆ เช่น การใช้ครีมหรือการทำทรีทเมนต์ทั่วไป

คำแนะนำในการตัดสินใจทำเลเซอร์หลุมสิว

ก่อนตัดสินใจทำการเลเซอร์หลุมสิว ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบคอบ

  • ประเมินสภาพผิว ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและพิจารณาว่าการเลเซอร์เป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับคุณหรือไม่
  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเลเซอร์ เข้าใจถึงประเภทของเลเซอร์ที่มีและผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการรักษา
  • เตรียมตัวสำหรับการดูแลหลังการรักษา การดูแลผิวหลังการเลเซอร์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง

หลายคนที่เคยประสบปัญหาหลุมสิวได้ลองใช้วิธีนี้และได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างรวมไปถึงการดูแลของบุคคลนั้นๆ อีกด้วย