Live Like a Winner

บล็อกการตลาดและรีวิวธุรกิจทั่วโลก

Google ยกระดับความปลอดภัย

Google ยกระดับความปลอดภัย ให้การติดตั้งแอปฯ นอก Play Store ซับซ้อนขึ้น

Google ได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการจัดการไฟล์แอปพลิเคชัน (APK) ที่มาจากแหล่งนอก Google Play Store ซึ่งส่งผลให้กระบวนการติดตั้งแอปจากแหล่งอื่น ๆ หรือที่เรียกกันว่า “Sideloading” กลายเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจากการที่ Google ตัดสินใจหันมาใช้ Android App Bundle (AAB) แทนการใช้ Fat APK ซึ่งเป็นรูปแบบไฟล์ที่เคยใช้กันมาก่อนหน้านี้

ทำไมการติดตั้งแอปจากแหล่งอื่นจึงซับซ้อนขึ้น

ทำไมการติดตั้งแอปจากแหล่งอื่นจึงซับซ้อนขึ้น

ในอดีต การติดตั้งแอปจากแหล่งอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ Google Play Store เป็นเรื่องที่ค่อนข้างง่ายและสะดวก ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดไฟล์ Fat APK ซึ่งเป็นไฟล์ที่มีทุกอย่างที่แอปต้องการในการทำงานรวมไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรที่เกี่ยวข้องกับการแสดงผล ภาษา หรือการรองรับสถาปัตยกรรม CPU ต่าง ๆ ทำให้สามารถติดตั้งและใช้งานได้ทันทีบนอุปกรณ์หลายรุ่น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Fat APK จะสะดวกในการใช้งาน แต่ก็มีข้อเสียที่สำคัญ เช่น ขนาดไฟล์ที่ใหญ่เกินจำเป็น เนื่องจากมีการรวมทุกอย่างไว้ ซึ่งอาจทำให้เปลืองพื้นที่จัดเก็บ และเพิ่มเวลาในการดาวน์โหลด นอกจากนี้ การมีทรัพยากรที่ไม่จำเป็นในไฟล์อาจทำให้เกิดปัญหาด้านความเข้ากันได้และประสิทธิภาพของแอป

เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว Google จึงนำ AAB มาใช้เป็นมาตรฐานใหม่ในการพัฒนาและแจกจ่ายแอปบน Android ซึ่ง AAB จะจัดเก็บไฟล์และทรัพยากรต่าง ๆ ของแอปแยกกันตามอุปกรณ์ ขนาดหน้าจอ ภาษา และ CPU ซึ่งช่วยให้แอปมีขนาดเล็กลงและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การเปลี่ยนแปลงของ Google ในการจัดการไฟล์ APK

ไฟล์ APK และ AAB แตกต่างกันอย่างไร

เว็บไซต์ 9to5Google รายงานว่า Google ได้หยุดให้บริการไฟล์ Fat APK ของหลายแอปพลิเคชันอย่างกะทันหัน เหลือเพียงไฟล์รูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Android App Bundle (AAB) เท่านั้น

  • Fat APK เดิมไฟล์ APK ที่นักพัฒนาสร้างขึ้นจะมีทุกอย่างที่แอปต้องใช้ในการทำงาน โดยรวมถึงไฟล์ที่เหมาะสมกับทุกขนาดจอ ทุกอุปกรณ์ และทุกภาษา ข้อดีของ Fat APK คือสามารถติดตั้งได้ทุกอุปกรณ์ที่รองรับ แต่ข้อเสียคือขนาดไฟล์ที่ใหญ่และอาจไม่เหมาะสมกับอุปกรณ์บางประเภท
  • Android App Bundle (AAB) เปิดตัวในปี 2018 และกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับแอปบนระบบ Android โดย AAB จะแบ่งแอปออกเป็นหลายส่วน ซึ่งแต่ละส่วนถูกออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ ขนาดจอ ภาษา สถาปัตยกรรม CPU และเวอร์ชัน Android ที่แตกต่างกัน

ผลกระทบของ AAB ต่อการดาวน์โหลดแอป

เมื่อผู้ใช้ดาวน์โหลดแอปจาก Play Store ระบบจะไม่ดาวน์โหลดทุกไฟล์ใน AAB แต่จะเลือกเฉพาะไฟล์ที่เหมาะสมกับอุปกรณ์เท่านั้น ซึ่งทำให้การดึงไฟล์ไปใช้งานในอุปกรณ์อื่น ๆ นอก Play Store ทำได้ยากขึ้น

ทำไม Google ถึงเปลี่ยนมาใช้ AAB

เพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย

การเปลี่ยนไปใช้ AAB ช่วยให้ Google สามารถปรับปรุงการใช้งานของแอปให้เหมาะสมกับอุปกรณ์แต่ละชนิดได้ดีขึ้น ซึ่งช่วยลดขนาดของไฟล์ที่ต้องดาวน์โหลดและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

  • ลดขนาดไฟล์ การเลือกดาวน์โหลดเฉพาะไฟล์ที่จำเป็นสำหรับอุปกรณ์นั้น ๆ ทำให้ขนาดไฟล์ที่ต้องดาวน์โหลดลดลง ส่งผลให้ประหยัดพื้นที่และเวลาในการดาวน์โหลด
  • เพิ่มความปลอดภัย เนื่องจากไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาจะถูกควบคุมผ่านระบบของ Play Store การเปลี่ยนไปใช้ AAB จึงช่วยป้องกันมัลแวร์ที่อาจแฝงตัวมากับไฟล์ที่ไม่จำเป็น

กระบวนการติดตั้งแอปนอก Play Store ที่ซับซ้อนขึ้น

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้การติดตั้งแอปจากนอก Play Store กลายเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากขึ้น เพราะการดึงไฟล์ APK ออกมาจาก AAB นั้นจะได้เฉพาะไฟล์ที่รองรับอุปกรณ์บางชนิดเท่านั้น การทำให้ไฟล์เหล่านี้สมบูรณ์และพร้อมติดตั้งในอุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องใช้เครื่องมือเสริม เช่น APKMirror Installer หรือ Split APKs Installer ซึ่งเป็นการเพิ่มขั้นตอนในการติดตั้งแอปฯ จากแหล่งอื่น

บริการจาก Store อื่น ๆ อาจได้รับผลกระทบ

สำหรับบริการที่นำแอปจาก Play Store ไปอัปโหลดในช่องทางอื่น ๆ อาจต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้การรวบรวมไฟล์ที่เหมาะสมกับทุกอุปกรณ์กลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้น

ข้อดีและข้อเสียของการเปลี่ยนแปลง

ข้อดีและข้อเสียของการเปลี่ยนแปลง

ข้อดีของ AAB

  • การใช้ทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการใช้พื้นที่จัดเก็บและประหยัดแบนด์วิดท์ในการดาวน์โหลด
  • การป้องกันการติดตั้งแอปที่มีความเสี่ยง ลดความเสี่ยงที่แอปจะติดตั้งไฟล์ที่ไม่จำเป็นหรืออาจมีปัญหา

ข้อเสียของ AAB

  • ความซับซ้อนในการติดตั้งแอปนอก Play Store ผู้ใช้ที่ต้องการติดตั้งแอปจากแหล่งอื่นต้องเผชิญกับขั้นตอนที่ยุ่งยากขึ้น
  • อุปกรณ์เก่าหรือไม่ได้รับการอัปเดตอาจไม่รองรับ อาจมีอุปกรณ์บางรุ่นที่ไม่สามารถทำงานร่วมกับระบบ AAB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ใครจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนี้

ใครจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนี้

ผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดแอปจากแหล่งนอก Play Store

การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกระทบต่อผู้ที่ดาวน์โหลดแอปจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่ Play Store เนื่องจากต้องใช้เครื่องมือเสริมในการติดตั้งแอป อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ดาวน์โหลดแอปจาก Play Store โดยตรงหรือใช้ Store อื่น ๆ จะไม่ได้รับผลกระทบ

นักพัฒนาแอปและผู้ให้บริการแอปนอก Play Store

นักพัฒนาที่ต้องการเผยแพร่แอปนอก Play Store อาจต้องเผชิญกับความซับซ้อนในการจัดการไฟล์และการจัดทำแอปให้รองรับอุปกรณ์ทุกประเภทที่ต้องการ

คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับการติดตั้งแอป ใน Google Play Store

สรุป Google ยกระดับความปลอดภัย ติดตั้งแอปฯ นอก Play Store ซับซ้อนขึ้น

Google ได้ทำการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการจัดการไฟล์แอปพลิเคชันบนระบบ Android ด้วยการนำ Android App Bundle (AAB) มาใช้แทนที่ Fat APK ซึ่งทำให้กระบวนการติดตั้งแอปจากแหล่งอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ Play Store ซับซ้อนมากขึ้น แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยให้กับระบบ แต่ก็ส่งผลให้ผู้ใช้ที่ต้องการติดตั้งแอปจากแหล่งนอก Play Store ต้องเผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้น

ผู้ใช้และนักพัฒนาจึงควรเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ และควรเรียนรู้วิธีการใช้เครื่องมือที่จำเป็นในการติดตั้งและจัดการแอปที่มาจากแหล่งนอก Play Store ให้มีประสิทธิภาพ